ดีปลี พืชเศรษฐกิจตัวใหม่



ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Piper retrofractum  Vahl
ชื่อสามัญ :   long pepper
วงศ์ :    Piperaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เถารากฝอยออกบริเวณข้อเพื่อใช้ยึดเกาะ ใบ เดี่ยวรูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 3-5 ซม. ยาว 7-10 ซม. สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก ช่อ ออกที่ซอกใบ ดอกย่อยอัดกันแน่น แยกเพศ ผล เป็นผลสด มีสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง รสเผ็ดร้อน

ส่วนที่ใช้ : ราก เถา ใบ ดอก ผลแก่จัด แต่ยังไม่สุก หรือตากแดดให้แห้ง

ลักษณะทั่วไป
ดีปลีเป็นไม้เลื้อยที่มีรากออกตามข้อและเกาะพันสิ่งอื่นได้ ส่วนของลำต้นค่อนข้างกลมและเรียบ มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย ใบเป็นแบบสลับ ตัวใบคล้ายรูปไข่ ขอบขนานหรือรูปไข่เรียว ปลายใบแหลม โคนใบมักมนกลมหรือแหลม เนื้อโคนใบสองข้างไม่เท่ากัน ผิวใบด้านบนมัน ใบมีขนาดกว้าง 3 - 8 ซม. ยาว 6 - 18 ซม. เส้นใบที่บริเวณโคนใบมี 3 - 5 เส้น ดอกออกเป็นช่อและออกตรงข้ามกับใบ ช่อรูปคล้ายทรงกระบอกปลายเรียวมน เมื่อเป็นผลมีรูปร่างค่อนข้างกลม ฝังตัวแน่นอยู่กับแกนช่อรูปทรงกระบอกปลายเรียวมนยาว 2.5 - 7 ซม. เมื่อแก่จะมีสีแดงสด

ดีปลีมีการปลูกเชิงการค้ามาเป็นเวลานาน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตยาแผนโบราณ มีทั้งการปลูกเป็น พืชหลัก และการปลูกในสวนผลไม้เป็นพืชเสริม แหล่งผลิตสาคัญที่มีภูมิอากาศที่เหมาะสมและเป็นที่รู้จักของผู้ค้า สมุน ไพร ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากนี้แหล่งผลิตอื่น ๆ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี นครปฐม  และนครศรีธรรมราช  ดีปลีเป็นพืชอายุหลายปี ดังนั้น ควรเลือกพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มีความร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ การใช้ค้างควรใช้ค้างที่มีความแข็งแรง มีอายุการใช้งานนาน เนื่องจากดีปลีมีอายุยืน

การเปลี่ยนค้างบ่อยเป็นการสิ้นเปลือง และทำให้ดีปลีชะงักการเจริญเติบโต ประการต่อไป ที่ต้องคำนึงถึงคือ จำนวนแรงงาน ดีปลีเป็นพืชที่ต้องการการดูแลมากพอสมควรทั้งการให้น้ำ การใส่ปุ๋ย การกำจัดวัชพืชและการเก็บเกี่ยว ดังนั้นควรมีแรงงานในครอบครัวหรือแรงงานจ้างเพียงพอที่จะสามารถดูแลจัดการได้ใน ทุกขั้นตอนการผลิต ประการสุดท้ายคือ การตากแห้งและการเก็บรักษาเป็นสิ่งสาคัญมากเพื่อให้มีคุณภาพดี ไม่มีเชื้อรา หรือมอดเข้าทำลาย ทำให้เสียคุณภาพ และขายได้ราคาต่ำ   เกษตรบ้านอะลาง

ส่วนที่ใช้เป็นยา : ดอกแก่ (ช่อผลแก่) หรือเถา

สรรพคุณและวิธีใช้
แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปรกติ) ใช้ดอกแก่ 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ดอก)ต้มเอาน้ำดื่มถ้าไม่มีดอกใช้เถาต้มแทนได้
แก้ไอและขับเสมหะ ใช้ดอกแก่แห้ง หรือช่อผลแก่แห้งประมาณ 0.5 ช่อ ฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือกวาดคอหรือจิบบ่อย ๆ

สภาพพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม
ดีปลีชอบดินร่วนไม่มีน้ำขัง มีอินทรีย์วัตถุมาก ทนความแห้งแล้งได้ดี ฤดูที่เหมาะสม คือต้นฤดูฝน

พันธุ์และการขยายพันธุ์
ใช้เพาะเมล็ดหรือเถา ส่วนมากนิยมใช้เถา
 การเลือกพันธุ์ : เลือกต้นพันธุ์ที่อายุ 1-2 ปี ที่สมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคและแมลงทำลาย
พันธุ์ที่นิยมปลูก : พันธุ์พื้นเมือง


     การปลูกดีปลี      
การเตรียมดิน : กาจัดวัชพืชและเศษวัสดุ ไถพรวน ตากดินประมาณ 7-15 วัน จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกที่ย่อย สลายดีแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันอัตรา 2 ตัน/ไร่ และควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับความเป็นกรดด่างของดินให้มีค่า 5.5 - 6.5 ph

การเตรียมพันธุ์ : ใช้ยอดแก่ปลูก 3-4 ยอดต่อค้าง ปักชำส่วนยอดให้รากเดินดีก่อน ยอดที่จะนำมาชำ ให้ใช้ยอดกระโดงหรือยอดที่แยกออกด้านข้าง ตัดต่ำกว่ายอดลงมา 5 ข้อแล้วเอาดินเหนียวหุ้ม 2 ข้อล่าง เพื่อเพิ่มความชื้นให้แตกรากเร็วขึ้นไม่เช่นนั้นจะเหี่ยวเฉา จากนั้นจึงนำยอดไปชำลงในถุงจนกระทั่งแตกรากแล้วจึงนำไปปลูก เกษตรกรอาจไม่เพาะชำกล้า แต่ใช้วิธีปลูกทันทีก็ได้ โดยตัดยอดดีปลีประมาณ 5 ข้อแล้วนำไปปลูกติดกับเสา ค้างเลย 3-5 ค้างต่อเสา ฝังลงดินประมาณ 3 ข้อ นำยอดทั้งหมดผูกติดกับเสาค้างเพื่อให้รากยึดเกาะที่เกิดขึ้นใหม่ เกาะติดกับเสาค้าง จากนั้นพรางแสงด้วยทางมะพร้าวประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นดีปลีก็สามารถเจริญเติบโตได้โดย ไม่ต้องพรางแสงอีกต่อไป เมื่อปลูกเสร็จแล้วควรมีการพูนโคนและทำร่องน้ำให้มีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหล ผ่านสะดวก  เกษตรบ้านอะลาง

วิธีการปลูก :  ค้างที่ใช้ปลูกดีปลีเป็นค้างไม้หรือค้างปูนเช่นเดียวกับพริกไทย การเตรียมเสาค้าง เกษตรกรทั่วไปนิยมใช้เสาค้างไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-15 เซนติเมตร เป็นไม้เนื้อแข็ง มีอายุการใช้งาน 10-20 ปี ซึ่งในอดีตสามารถหาได้ง่ายและมีราคาถูก การใช้ค้างไม้ต้นดีปลีสามารถยึดเกาะได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันเสา ค้างไม้ หายากและมีราคาสูงทำให้เกษตรกรหันมาใช้เสาคอนกรีตสำหรับทำค้าง เสาคอนกรีตสี่เหลี่ยมขนาด 15*15 เซนติเมตร สูง 2.5 เมตร สามารถหาได้ง่าย แม้จะมีข้อเสียบ้างเมื่ออุณหภูมิสูงจะเก็บความร้อน ทำให้ราก ของดีปลีที่ใช้ยึดเกาะกับเสาค้างคอนกรีตไม่สามารถยึดเกาะได้ดีเท่าค้างไม้ เตรียมค้างไม้แก่น หรือเสาซีเมนต์ขนาด ประมาณ 4*4  นิ้ว ฝังลงดินให้สูงพ้นดินประมาณ 3-3.5 เมตร ระยะปลูก 1.20*1.20 เมตร ขุดหลุมขนาด 50*50*50 ซม.

ปลูกไม้ค้างยืนต้นหรือปักค้าง ดินที่ใส่หลุมควรเป็นหน้าดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ในอัตราส่วน ปุ๋ย : ดิน ประมาณ 1 : 5 ใช้ยอดพันธุ์ดีป
ลีค้างละ 2 ยอด ให้อยู่ตรงข้ามกันหรือปลูกด้านใดด้านหนึ่งหลุมละ 2 ยอด เมื่อปลูก เสร็จบังแสงแดดด้วยทางมะพร้าว รดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอทุกวัน มัดยอดให้ติดกับค้างเมื่อยอดดีปลีเจริญขึ้นไปจนกว่า ดีปลีจะขึ้นสุดค้าง ใช้เสาไม้แก่น หรือเสาซีเมนต์ หรือวัตถุอื่น ๆ ที่ทนหลายปี ความยาว ของเสา 4 - 5 เมตร ฝังลงดิน 0.5 - 1 เมตร เอาเถาดีปลีที่ชำจนแตกรากใหม่มีข้อและแตกยอดใหม่แล้วเกาะติดกับต้นเสา ในระยะแรกต้องใช้ลวดหรือเชือกช่วยยึดหลวม ๆ ขึ้นไปตามลำดับ จนกว่าเถาดีปลีจะเกาะต้นเสาได้ดี จึงไม่ต้องใช้เชือกยึดอีก

การบำรุงรักษา
ในฤดูร้อนควรให้น้ำสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำขังท่วมราก หากรากแช่น้ำข้ามคืนดีปลีจะตาย ใส่ปุ๋ยบ้างเพื่อให้ต้นแข็งแรงและผลดก

ศัตรูของดีปลี : ได้แก่ เพลี้ยแป้งและมด