“ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์”
นายสุชาติ สงวนพันธุ์ และทีมนักวิจัย ได้แก่ นางภคอร อัครมธุรากุล และนางสาวเรญา ม้าทอง และนางจุฑามาศ จงรุจิโรจน์ชัย จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการผลิตสัตว์ปีก สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้าและพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้วิจัยและผสมข้ามพันธุ์ ระหว่าง ไก่ตะเภาทอง กับ ไก่สามเหลือง (ซาอึ้ง) ไก่พื้นเมืองจีน จนได้สายพันธุ์ “ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์” ไก่อินทรีย์ปลอดสารพิษ มีรสชาติอร่อย เนื้อนุ่ม หวานหอม นำมาประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น นึ่ง ต้ม ตุ๋น หรือนำไปทำข้าวมันไก่ และยังแปรรูปได้หลากหลายประเภทอีกด้วย
นายสุชาติ หัวหน้าทีมนักวิจัยกล่าวถึงแนวคิดในการผลิต“ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์” ว่า เนื่องจากตลาดและผู้บริโภค ยังมีความต้องการบริโภคเนื้อไก่อย่างต่อเนื่อง และต้องการอาหารปลอดภัย ที่มีขบวนการ ผลิตแบบธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน (Organic food) ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในปัจจุบันประชาชนทั่วไปหรือผู้บริโภคใส่ใจในเรื่องสุขภาพ และเน้นอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น จึงได้คิดค้นและพัฒนาสายพันธุ์ที่ที่เหมาะและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค บ้านอะลาง
นายสุชาติ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์” เป็นไก่ลูกผสมสองสายพันธุ์ โดยลักษณะทั่วไป มีรูปร่างสมส่วนสวยงามทั้งเพศผู้และเพศเมีย มีหงอนแบบจักร และหงอนหินแบบไก่พื้นเมือง ขนสีเหลืองทอง แข้งสีเหลือง จะงอยปากเหลือง หนังเหลืองเรียบเนียน เนื้อนุ่ม หวานกรอบมากเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ นอกจากนี้ยังเลี้ยงง่าย แข็งแรง ทนโรคเช่นเดียวกับไก่พื้นเมืองของไทย
การเลี้ยงและการดูแล ในระยะแรกเกิดต้องกกให้ความอบอุ่นเช่นเดียวกับการเลี้ยงไก่ทั่วไป ประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ส่วนวิธีการให้อาหาร ให้น้อยแต่บ่อย ๆ ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ลูกไก่กินอาหารได้ดีมีความแข็งแรง และมีน้ำสะอาดให้ลูกไก่อย่างเพียงพอ เมื่อลูกไก่มีอายุประมาณ 15 - 20 วัน ควรขยายพื้นที่เพิ่ม (พื้นที่ขนาด 3x4 เมตร= 12 ตารางเมตร เลี้ยงไก่ได้ 100 ตัว) เมื่อไก่มีอายุได้ 3 – 4 สัปดาห์ เริ่มปล่อยออกนอกโรงเรือนและให้อาหารเสริมในการเลี้ยงได้ เนื่องจากไก่เริ่มแข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมที่จะเรียนรู้จิกกินพืชผักผลไม้ ใบไม้ใบหญ้า แหล่งอาหารเสริมสำหรับไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์จะได้จากการปลูกพืชของเกษตรกรในท้องถิ่นนั้น ๆ อาทิ หนวดข้าวโพดฝักอ่อน ฝรั่ง ชมพู่ ผักบุ้ง แตงกวา หยวกกล้วย แหน และหญ้าขนสับ นำมามาผสมกับรำ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าอาหารและเพิ่มมูลค่าทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์ ใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 3 – 4 เดือนเท่านั้น น้อยกว่าไก่ พื้นเมืองถึง 2 – 3 เดือน น้ำหนักเฉลี่ยตัวละ ประมาณ 2.2 ขายได้กิโลกรัม 80 - 100 บาท (ไก่เป็น) และไก่ชำแหละกิโลกรัม 120 - 150 บาท มีต้นทุนค่าอาหารเพียง 60 บาทเท่านั้นปัจจัยสำคัญสำหรับขบวนการผลิต ที่เน้นความปลอดภัยมาสู่ผู้บริโภค คือ การเลี้ยงด้วยอาหารเสริมที่มีอยู่ในท้องถิ่นและยังใช้พืชผักสมุนไพรต่าง ๆ ในการเลี้ยงเพื่อเสริมสร้างให้ไก่มีร่างกายที่แข็งแรงทนทานต่อโรคต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติพื้นบ้าน (Natural Animal Husbandry) และยังโตเร็วไม่ต้องใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์เร่งการเจริญเติบโต ไม่มีสารปนเปื้อน ทำให้ได้เนื้อ ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์ ที่ เนื้อแน่น นุ่ม และรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงสามารถเลี้ยงเป็นไก่อินทรีย์ปลอดสารพิษได้ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค นำมาปรุง
อาหารได้หลากหลายประเภท อาทิ ไก่สับ ไก่ต้ม ไก่นึ่ง ไก่ตุ๋น ข้าว
หน้าไก่ โดยเฉพาะเมื่อนำมาทำข้าวมันไก่จะอร่อยมาก เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และราคาถูกกว่าไก่พื้นบ้านไทยอีกด้วยสำหรับผู้สนใจพันธุ์ “ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์” สามารถขอรับคำแนะนำ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายสุชาติ สงวนพันธุ์ และ ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร กำแพงแสน / ศูนย์วิจัยและพัฒนา การผลิตสัตว์ปีก สถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้าและพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โทรศัพท์ 0 – 3428 – 1078 – 9
บ้านอะลาง


หมวดหมู่: