เลี้ยงหอยเชอรี่ขาย


อาชีพแก้จนอย่ามองข้าม ''หอยเชอรี่''
ชาวนาจังหวัดสกลนคร พลิกวิกฤติเป็นโอกาส เก็บหอยเชอรี่ศัตรูต้นข้าวมาต้มสุก ก่อนหั่นให้เป็นชิ้น แพ็กขายตลาดไท สร้างรายได้ให้กับชุมชนเดือนละหลายแสนบาท

วันที่ 14 ส.ค. ที่ จ.สกลนคร ชาวบ้านหนองแคน ต.เหล่าปอแดง อ.เมือง พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ขายหอยเชอรี่ต้มสุก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวนาต้องเผชิญกับปัญหาหอยเชอรี่กัดกินต้นข้าวหลังฤดูกาลปักดำทุกปี และจากสถิติพบว่าในแต่ละปีหอยเชอรี่ทำลายต้นข้าวไปนับพันๆ ไร่ จนชาวนาต้องช่วยกันจับมาทิ้งทำลายนานนับสิบปี แต่ปัจจุบันสามารถนำมาขายสร้างรายได้เข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ นับแสนบาทต่อเดือน ซึ่งเนื้อหอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34 - 53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ สุกร เปลือกก็สามารถปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกถ้านำไปฝังบริเวณทรงพุ่มไม้ผล เมื่อเน่าเปื่อยก็จะเป็นปุ๋ยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตดี

ที่บ้าน นางเมตตา พรหมแพง อายุ 39 ปี เลขที่ 166 บ้านหนองแคน หมู่ 1 ต.เหล่าปอแดง อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งประกอบอาชีพคนกลางรับซื้อหอยเชอรี่ต้มจากชาวบ้าน ก่อนนำส่งขายที่ตลาดไท กล่าวว่า เดิมตนประกอบอาชีพเย็บผ้า จนเมื่อปีที่แล้ว ได้ไปที่ตลาดไท และได้ไปเจอธุรกิจการขายหอยเชอรี่ต้มสุก ซึ่งผิดกับบ้านเราที่ชาวนาต้องช่วยกันนำหอยเชอรี่ไปทำลายทิ้ง ตนจึงได้ริเริ่มนำธุรกิจดังกล่าวมาทำที่จังหวัดสกลนคร หอยเชอรี่ต้มสุกหั่นเป็นชิ้นถือว่ากำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารจำพวกส้มตำ ทั้งตำรวม ตำลาว ตำหอยฯ ปัจจุบัน พร้อมเปิดรับซื้อหอยต้มสุกในราคากิโลกรัมละ 29 บาท ช่วงนี้จะมีชาวบ้านทั่วทุกอำเภอในจังหวัดสกลนครนำหอยมาขายเฉลี่ยอย่างต่ำ 600 กก. ต่อวัน ซึ่งต้องจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านมาหั่นหอยต้มสุกวันละ 10 คน ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ถือเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน


นางเมตตา กล่าวต่อว่า หอยเชอรี่ที่หั่นเสร็จแล้วจะบรรจุเก็บไว้ในถังน้ำแข็งขนาดใหญ่ ประมาณ 2 วัน ก็จะรวบรวมหอยเชอรี่ต้มสุกหันได้ 1.6- 2 ตัน จากนั้นก็ขนส่งลงไปขายยังตลาดไท ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อบวกต้นทุนการขนส่งแล้ว  หอยเชอรี่ต้มสุกราคาจะสูงขึ้นเป็น กก. ละ 40 บาท เมื่อคำนวณแล้วจะขายได้เที่ยวละ 70,000- 80,000 บาท อาทิตย์หนึ่งส่งหอยไปขาย 3 เที่ยว ดังนั้นเมื่อคิดรวมแล้วหนึ่งเดือนจะสร้างเงินสร้างรายได้กว่า 850,000 บาท กระจายสู่ชาวไร่ชาวนาในพื้นที่ ซึ่งรายได้ส่วนนี้ถือเป็นรายได้เพียงแค่กลุ่มของตนเองเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น


หากรวมทุกเจ้าแล้วจะมีเม็ดเงินเข้าสู่หมู่บ้านหนองแคนหลายล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ดี นางเมตตา ก็อยากขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องเกษตรกร ชาวไร่ชาวนาว่าหอยเชอรี่นั้นมีค่ากว่าที่คิด สามารถนำมาขายเป็นการสร้างรายเสริมได้

ด้าน นายวีระศักดิ์ ผาพรหม อายุถ 39 ปี บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 บ้านดอนแก้ว ต.ม่วงลาย อ.เมือง จ.สกลนคร กล่าวว่า ตนกับภรรยามีอาชีพทำนา ช่วงนี้เสร็จจากการปักดำนาแล้ว ตนและภรรยาจึงใช้เวลาว่างนี้มาหาหอยเชอรี่ที่กัดกินต้นข้าวในนามาขาย ซึ่งก็สร้างรายได้อย่างงามเลยทีเดียว ยกตัวอย่างวันนี้ ตนและภรรยาได้ออกไปหาหอยเชอรี่


ที่ทุ่งนา และหนองน้ำใกล้หนองหาร โดยหอยเชอรี่ส่วนมากจะเกาะอยู่ที่ใบผักตบชวา วันนี้หาตั้งแต่เวลา 08.00- 12.00 น. 4 ชั่วโมง หาหอยเชอรี่ได้ 4 กระสอบปุ๋ย เมื่อนำมาต้มและควักหัวหอยออกมาขายจะสร้างรายได้ถึง 600 บาท ถือเป็นรายได้ที่งดงามมากหลังฤดูกาลทำนา และสามารถหาหอยเชอรี่ขายได้ตลอดทั้งปี ยิ่งหน้าแล้ง หาหอยเชอรี่ยากขึ้น ราคาก็จะสูงตาม บางปีหอยเชอรี่ต้มสุกราคาอาจสูงถึงกิโลกรัมละ 50 บาท เลยทีเดียว.

เกษตรบ้านอะลาง