ชาวกระบี่เลี้ยง 'ตุ๊กแก-จิ้งหรีด' สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นกอบเป็นกำ ด้านเจ้าของฟาร์มระบุตุ๊กแกห้อยหัว เป็นการบริหารร่างกายเท่านั้น "บ้านอะลาง"
12 มี.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอารีย์ เดชรักษา วัย 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 242 หมู่ 2 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้เลี้ยงตุ๊กแกไว้จำนวนมาก และได้เลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อให้ตุ๊กแกกินเป็นอาหาร เป็นเวลา 1 ปี โดยนางอารีย์ บอกว่า สาเหตุที่ตนหันมาเลี้ยงตุ๊กแก เนื่องจากบุตรสาวซึ่งทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน และแนะนำให้เลี้ยง เพราะสามารถขายได้ในราคาแพง จึงได้ออกตระเวนหาซื้อตุ๊กแกจากชาวบ้านในราคาตัวละ 300-500 บาท Alangcity จนปัจจุบันมีตุ๊กแกที่เลี้ยงไว้กว่า 50 ตัว แต่ละตัวมีน้ำหนักตั้งแต่ 1-3 ขีด และได้ขนาดตามต้องการแล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดส่ง
หลังจากเลี้ยงตุ๊กแกโดยเลี้ยงไว้ในกรงก็ให้อาหารเป็นตัวด้วง แต่ตัวด้วงนั้นราคาแพงมากกิโลกรัมละ 300 บาท ก็มีผู้แนะนำว่าให้เลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อให้ตุ๊กแกกิน จึงได้ไปซื้อพ่อแม่พันธุ์มาจากแถบภาคอีสาน เอามาเลี้ยงเมื่อประมาณ 8 เดือนก่อน จิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ก็ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว มีจำนวนมากเกินกว่าที่ตุ๊กแกจะกินหมด จากนั้นเมื่อมีคนทราบข่าวว่าเลี้ยงจิ้งหรีดก็มีผู้มาขอซื้อในราคากิโลกรัมละ 300 บาท จึงได้ขายไปและมีการสั่งเข้ามาจำนวนมาก จนจิ้งหรีดไม่เพียงพอตามความต้องการในปัจจุบัน สร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี ตกเดือนละกว่า 5,000 บาท การเลี้ยงตุ๊กแกและจิ้งหรีดถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้พอสมควร ซึ่งหลังจากเลี้ยงมาระยะหนึ่งก็เริ่มที่จะผูกพันคิดว่าอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แต่ก็คงจะขายไปบ้างบางตัวเมื่อได้ขนาดที่พอดีและราคาดี
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตุ๊กแกห้อยหัวยกมือไหว้นั้น จากการที่ได้สัมผัสกับตุ๊กแกมา 1 ปี ก็พบเห็นตุ๊กแกห้อยหัวบ่อยครั้ง ซึ่งไม่ใช้เรื่องแปลก ส่วนสาเหตุที่ตุ๊กแกห้อยหัว เพราะเป็นการบริหารร่างกายของตุ๊กแก สาเหตุอีกอย่างหนึ่งคือตุ๊กแกมีแผลที่เท้าหน้า ก็จะห้อยหัวเพื่อให้แผลหาย เช่นตุ๊กแกตัวหนึ่งของตนเป็นแผลที่เท้าหลังก็จะเกาะห้อยเท้าหลังเหมือนยกมือไหว้ แต่ไหว้ด้วยเท้าหลังเท่านั้น
ตะลึง!เลี้ยงตุ๊กแกขายตัวละหมื่น
ชาวบ้านแจ้ห่ม จ.ลำปาง หันมาเลี้ยงตุ๊กแก เป็นอาชีพเสริม เผยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ ราคาตัวละหมื่นบาท
3 ธ.ค. 55 นายสันติ นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อำเภอแจ้ห่มออกสำรวจและเยี่ยมประชาชน ที่บ้านสบฟ้า ม.7 และบ้านฮ่องลี่ ม.5 ต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง หลังทราบว่าชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน พากันหันมาประกอบอาชีพเลี้ยงตุ๊กแกขาย พอไปถึงหมู่บ้านดังกล่าวพบชาวบ้านเลี้ยงตุ๊กแก จำนวนมาก รวมแล้ว 2 หมู่บ้านนับหมื่นตัว
ด้านนายสวาท นามสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแจ้ห่ม เปิดเผยว่า ชาวบ้านจะเลี้ยงตุ๊กแกไว้ในกรงและในโอ่งขนาดใหญ่ ใช้จิ้งหรีดและอาหารเม็ดให้ตุ๊กแกกิน ซึ่งในพื้นที่ 2 หมู่บ้านดังกล่าว มีชาวบ้านประกอบอาชีพเลี้ยงตุ๊กแกกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ว่างจากการทำเกษตรกรรม และจะใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ 3- 4 เดือน เมื่อตุ๊กแกโตได้น้ำหนักตั้งแต่ครึ่งกิโลกรัม และขนาดความยาวของลำตัวตั้งแต่ 15-16 นิ้ว จะมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงที่ในราคาตัวละนับหมื่นบาท
ทั้งนี้พ่อค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศ จะติดต่อเข้ามาทางตัวแทนคนไทย ตลอดจนการเลี้ยงตุ๊กแกเป็นการลงทุนน้อย แต่ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เท่านี้ตุ๊กแกก็จะโตตามขนาดที่ตลาดต้องการ
ตุ๊กแกเสือดาว
จัดเป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน ในธรรมชาติจะอาศัยอยู่บริเวณทะเลทรายของประเทศอัฟกานิสถาน, ปากีสถานและอินเดียตะวันตก เป็นต้น ความแตกต่างของตุ๊กแกเสือดาวเมื่อเปรียบเทียบกับตุ๊กแกชนิดอื่น ๆ ตรงที่ มีเปลือกตาเพื่อป้องกันฝุ่นละอองตามธรรมชาติ และเท้าที่เป็นเล็บแหลมสำหรับปีนป่ายซึ่งต่างจากตุ๊กแกชนิดอื่นที่ส่วนของ เท้าเป็นพังผืด มีหางที่อวบอ้วนซึ่งจะเป็นอวัยวะที่ช่วยเก็บสารอาหารทำให้ทนต่อสภาพการขาด อาหารในบริเวณท้องที่ทุรกันดารได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันตุ๊กแกเสือดาวได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามอีกชนิดหนึ่งด้วย เสน่ห์ของสีสันและลวดลายบนลำตัว สามารถจับเล่นได้และมักจะเชื่องกับเจ้าของ โดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความหลากหลายในสีและลวดลาย คุณรัฐกิจ จันทรสีมา ชาวบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มีประสบการณ์ในการเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวมานานประมาณ 3 ปี และมีตุ๊กแกเสือดาวมากกว่า 10 สีและสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในบ้านเรา คุณรัฐกิจได้บอกวิธีการเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวควรจะเลี้ยงในตู้ปลาหรือกล่อง พลาสติก (ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้เลี้ยงในกล่องพลาสติกเพราะเคลื่อนย้ายได้สะดวก มีน้ำหนักไม่มากและทำความสะอาดง่าย)
ตู้เลี้ยงตุ๊กแกเสือดาว
เนื่องจากตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ที่มาจากเขตร้อนและแห้งแล้ง ความร้อนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับตุ๊กแกเสือดาวที่จะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และการย่อยอาหาร อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงจะเฉลี่ยอยู่ที่ 30-35 องศาเซลเซียส ถึงแม้ตุ๊กแกเสือดาวจะชอบอากาศร้อน แต่มีความต้องการอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวกด้วย ดังนั้นไม่ควรปิดกล่องหรือตู้ปลาให้ทึบ สำหรับวัสดุที่ใช้รองพื้นมีให้เลือกหลายชนิด เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์, กระดาษทิซชู ฯลฯ หลายคนอาจจะใช้ทรายและดินเป็นวัสดุรองพื้นอาจจะมีผลกระทบต่อระบบการย่อย อาหาร ถ้าพบว่าตุ๊กแกเสือดาวกินทรายและดินเข้าไป
การรองพื้นสำหรับเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาว
ในตู้เลี้ยงควรจะเตรียมที่ซ่อนตัวให้กับตุ๊กแกเสือดาว เช่นกล่องเจาะรูหรือถ้วยพลาสติกคว่ำเจาะช่องเข้า-ออกหรือถ้ามีเงินอาจทำเป็น บ้านไม้เล็ก ๆ สำเร็จรูป ที่ซ่อนควรจะมีความชื้นเพื่อช่วยในการลอกคราบโดยใช้กระดาษทิซชูหรือขุย มะพร้าวที่เปียกหมาด ๆ นอกจากนั้นในกรงเลี้ยงผู้เลี้ยงจะต้องเตรียมถ้วยตื้น ๆ เพื่อใส่น้ำให้กินและจะต้องเปลี่ยนทุกวันเพื่อความสะอาด สำหรับถ้วยอาหารจะต้องใช้ขนาดที่ตุ๊กแกปีนขึ้นไปกินอาหารได้ แคลเซียมและวิตามินมีความจำเป็นต่อการเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวจะส่งผลดีต่อ กระดูก เนื่องจากตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืนทำให้ไม่สัมผัสกับ รังสี UV จึงมีความจำเป็นจะต้องใช้แคลเซียมทดแทน ตุ๊กแกเสือดาวจัดเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายถ้าได้รับอาหารที่ดี, ที่อยู่อาศัยดีและสะอาด การเจริญ เติบโตของตุ๊กแกเสือดาวเกิดจากการลอกคราบ ดังนั้นควรจะมีที่ชื้นเพื่อช่วยในการลอกคราบ.
“ตุ๊กแกบ้าน” (Gekko gecko) หรือที่ชาวจีนเรียกว่า กาบก่าย มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทยและกระจายอยู่ในประเทศอินเดียตอนเหนือ จีนตอนใต้ ลาว เขมร มาเลเซีย อีกทั้งมีการนำเข้าไปขยายพันธุ์ในรัฐฮาวาย ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา บางเกาะในทะเลแคริเบียน โดยบริเวณที่มันชอบอยู่อาศัยจะเป็นบริเวณพื้นที่แถบป่าไม้ ตามบ้านเรือนที่เป็นมุมมืดปราศจากการรบกวน ในบางครั้งยามที่แดดอ่อนก็จะออกมารับแสงบ้าง กระทั่งบางคนบอกว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่ อาบแดดกลางวัน อาบแสงจันทร์กลางคืน…
ตุ๊กแกที่โตเต็มวัยแล้วเมื่อฟ้าสลัวพลบค่ำ จึงออกมาเกาะผนังเฝ้า “รอคอย” จับเหยื่ออย่างพวกแมลงต่างๆ อาทิ แมลงเม่า อันเป็นเมนูสุดโปรด แมลงสาบ ตั๊กแตน จิ้งหรีด ด้วง มอด มด ผีเสื้อ หนอน แมงป่อง ตะขาบ หนู ที่ส่วนใหญ่เป็นสัตว์จำพวกแมลงศัตรูพืชเป็นอาหารขณะยังมีชีวิต รวมทั้ง “คราบ” ที่ลอกของมันเอง…
ลักษณะลำตัวของ “ไอ้ตีนกาว” โดยทั่วๆไปจะเป็นรูปทรงกระบอก ค่อน ข้างแบน หัวมีขนาดใหญ่กว่าลำตัว ดวงตากลมโปน ม่านตาปิดเปิดแนวตั้ง เปลือกตาเชื่อมกันและโปร่งแสง ผิวหนังสีเทาแกมฟ้า มีจุดสีส้ม เทาและขาวกระจายตลอดทั้งตัว สีผิวจะจางหรือเข้มนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ทั่วทั้งตัวมีเกล็ดเป็นตุ่มลักษณะนุ่มมือเมื่อสัมผัส
ใต้นิ้วเท้า แต่ละนิ้วมีแผ่นบางๆเรียงซ้อนกัน แต่ละแผ่นมี setae ซึ่งเป็นเซลล์ขนาดเล็กทำหน้าที่ยึดติดพื้นผิวเรียบ บริเวณปลายนิ้วจะมีเล็บช่วยเกาะเกี่ยวในการปีนป่าย ในวัยเล็กหางจะมีแถบสีฟ้าสลับขาว โตเต็มที่ตัวผู้นอกจากขนาดลำตัวยาวกว่าแล้ว โคนหางจะอวบและใหญ่กว่าตัวเมีย โดยมันจะใช้อวัยวะส่วนนี้เคาะพื้นผนังเพื่อสร้างอาณาเขต อีกทั้งส่งสัญญาณบอกพวกพ้องเมื่ออยู่ในภาวะคับขันและยังสามารถ สลัดให้หลุดเพื่อหลอกศัตรูตัวฉกาจอย่าง “เหมียว” ให้หลงกลได้อีกด้วย หากมันมีชีวิตรอดเพียง 3 สัปดาห์ ปลายหางก็จะงอกขึ้นมาใหม่แต่ไม่ดูดีดังเดิม
ส่วนการขยายเผ่าพันธุ์ โดยปกติจะเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่ง ตัวผู้จะส่งเสียงร้อง “ตุ๊ก–แก” เพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม หลังเสร็จสิ้นภารกิจตัวเมียจะหาที่วางไข่ (บริเวณเดียวกันได้หลายแม่) ลักษณะเปลือกไข่จะหนาติดเกาะแน่นกับผนัง รูปร่างรี สีขาว ปริมาณ 1-2 ฟอง/ครั้ง โดยใช้เวลาวางไข่ ประมาณ 4-5 เดือน ช่วง นี้ทั้งคู่มีนิสัยค่อนข้างดุ ออกหากินไม่ห่างจากพื้นที่ แล้วอีก 60-200 วัน ตัวอ่อนจะออกมาสู่โลกภาย นอก ช่วงนี้จะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว กระทั่งอายุได้ 1 ปี จึงเริ่มออกสร้างอาณาเขตแล้วเข้าสู่วงจรขยายเผ่าพันธุ์อีกครั้ง
แม้ ว่าการใช้ชีวิตโดย รวมของพวกมันจะไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อมนุษย์ อีกทั้งยังมีประโยชน์ช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืช แต่ ด้วยลวดลายสีสันบนตัว บวกกับน้ำเสียงที่เวลาร้องประหนึ่งว่ากำลังเล่นลูกคอ หลายคนจึงไม่ค่อยพิสมัยในตัวมันนัก!
ตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นการยากที่จะเลี้ยงในลักษณะ และ รูปแบบสัตว์เลี้ยงทั่วไป อีกทั้งตุ๊กแกก็ยังไม่มีวิธีการเลี้ยงที่แน่ชัดจากหน่วยงานของราชการ และ ศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ศรีสุทัศน์ได้ทำการทดลองเลี้ยงตุ๊กแก โดยเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ได้ผลที่สุดในขณะนี้ โดยตุ๊กแกในกรงมีอัตราการขยายพันธุ์เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทางศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ศรีสุทัศน์จึงได้นำวิธีการเพาะเลี้ยงตุ๊กแกมาเผยแพร่ เพื่อให้เกษตรกรที่สนใจ หรือ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่สนใจในการเพาะเลี้ยงตุ๊กแกได้นำไปศึกษา และปรับปรุงแก้ไข เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติในโอกาสต่อไป
การเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงตุ๊กแก
พื้นที่สำหรับเลี้ยงตุ๊กแก ควรเป็นที่ไม่มีผู้คนพรุกพล่าน เพราะตุ๊กแกเป็นสัตว์ตกใจง่ายและรักสงบ ชอบอยู่ในมืดในเวลากลางวัน และเป็นพื้นที่สามารถเปิดไฟล่อแมลงได้
วัสดุ/อุปกรณ์
1 เสาไม้ 3x3x2.50 จำนวน 4 ต้น
2 ตาข่ายพลาสติก 2x2x250 เซนติเมตร จำนวน 20 เมตร
3 ไม้ไผ่ยาว 3 เมตร จำนวน 20 ท่อน
4 ตะปูขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 กิโลกรัม
5 ชุดไฟนิออน ควรเป็นหลอดสั้นแบบประหยัด จำนวน 2 ชุด
6 กระสอบ หรือ ผ้าห่มที่ไม่ได้ใช้แล้ว สำหรับให้ตุ๊กแกหลบนอนตอนกลางวัน
7 เศษไม้กระดาน หรือ ไม้ที่มีโพรงสำหรับตุ๊กแกวางไข่
8 อ่างน้ำขนาดเล็ก จำนวน 1 ใบ
9 อ่างพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร จำนวน 1 ใบ
10 พ่อพันธุ์+แม่พันธุ์ ตุ๊กแกที่สุขภาพสมบูรณ์ จำนวน 5 คู่
การดูแลรักษาในระยะเริ่มต้น
ในกรณีที่บางท่านอาจจับตุ๊กแกจากป่ามาเลี้ยง ทางเราจะไม่แนะนำให้ทำเพราะเป็นการทำผิดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า การเลี้ยงตุ๊กแกในระยะแรก ตุ๊กแกจะไม่กินอาหารเพราะตุ๊กแกยังไม่คุ้นเคยกับกรงที่เราจัดทำขึ้น ช่วงนี้เราคอยระวังศัตรูจำพวก แมว สุนัข ที่จะมารบกวนและทำลายกรงเลี้ยง แล้วให้นำจี้งหรีดมาปล่อยลงในอ่างพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร พร้อมให้อาหารจี้งหรีดด้วยอาหารไก่เล็กอย่าลืมให้น้ำจิ้งหรีด โดยเอาฟองน้ำ หรือ สำลี ชุบน้ำให้ชุ่มวางไว้ไกล้กับอาหารลูกไก่ จากนั้นให้คอยสังเกตุตุ๊กแกว่ามีการกินแมลงในตอนกลางคืนหริอจิ้งหรีดที่ปล่อยหรือไม่อย่างไร
ปัญหาที่พบในการเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติ
ส่วนใหญ่จะพบปัญหาเกี่ยวกับ การแสดงอาณาเขตของตุ๊กแกที่มีขนาดใหญ่ เราสามารถแก้ปัญหาโดยการเพิ่มเศษไม้ ตั้งชันแยกให้ห่างกันในระยะตุ๊กแกจะกระโดดถึง เพื่อหลบและหนีได้พ้นจากตุ๊กแกที่มีขนาดใหญ่
โรคที่เกิดกับตุ๊กแก
ตลอดเวลาที่เลี้ยงมาเรายังไม่พบปัญหาเกี่ยวกับโรคระบาด หรือโรคทั่วไปแต่อย่างใด ที่เราพบมีเพียงผิวหนังแห้งเกินไป ถ้าผิวหนังของตุ๊กแกแห้งเกินไป ตุ๊กแกจะไม่ยอมลอกคราบ จะทำให้การเจริญเติบโตช้า ทางเราจะแก้ปัญหาโดยการฉีดน้ำเป็นละอองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
ข้อควรระวัง
1. ควรเปลี่ยนน้ำในอ่างเล็กทุกวัน เพื่อรักษาความสะอาดและสร้างความคุ้นเคย
2. การจับตุ๊กแก ควรสวมถุงมือหนังเพื่อป้องกันเชื้อโรคในปากของตุ๊กแก
3. ไม่ควรติดหลอดไฟไว้ในกรงเลี้ยง เพื่อป้องกันไฟช๊อตตุ๊กแก
การตลาด
ส่วนมากตลาดที่ต้องการรับซื้อจะอยู่ที่ประเทศจีน ไต้หวัน มาเลเซีย ทางศูนย์ของเราเคยมีพ่อค้าจากมาเลเซียโดยตรงมาขอซื้อถึงศูนย์เรียนรู้แล้วหลายครั้ง