ฟักแม้ว มะระหวาน ผักแม้ว


วิธีปลูกมะระหวานเพื่อเก็บยอด
มะระหวาน ลักษณะทั่วไปของมะระหวาน (ฟักม้ง) เป็นไม้เถาเลื้อย สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศเย็นและชุ่มชื้นเป็นพืชข้ามปี ลักษณะคล้ายพืชตระกูลแตง ลำต้น ใบ ยอดและมือจับคล้ายแตงกวาผสมกับฟักเขียว ลักษณะดอก เกิดที่ขั้วระหว่างต้นกับก้านใบเป็นชนิดดอกช่อ (Inflorescence) ส่วนดอกเป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower) กล่าวคือ ดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย จะอยู่คนละดอก แต่อยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious plant )ผลเป็นผลเดี่ยว (Simple fruit) เนื้อของผลเจริญมาจากฐานรองดอกที่ขยายใหญ่ไปหุ้มเมล็ดไว้ มีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียวในผล  มะปราง ซึ่งถือว่าเป็นข้อแตกต่างของพืชตระกูลแตงที่เราพบเห็นโดยทั่วไป

มะระหวาน  เป็นพืชที่แมลงรบกวนไม่มาก ยกเว้น ราแป้งและเพลี้ยไฟ จะมีระบาดในบางฤดูกาลเท่านั้น ยอดมีลักษณะเช่นเดียวกับยอดของฟักทองและตำลึง ปัจจุบันเป็นที่นิยมของเกษตรกรและผู้นิยมบริโภคผักปลอดสารพิษทั่วไป ซึ่งยอดมะระหวาน จะมีรสชาติหวานกรอบ มะระหวานเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นและมีความต้องการน้ำมาก ในการช่วยการเจริญเติบโต

ฟักแม้วสามารถทำได้โดยที่ลงทุนไม่มากนัก เพียงมีพื้นที่และมีแหล่งน้ำเพียงพอในพื้นที่การปลูกก็จะบรรลุผลที่ต้องการได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นแต่ประการใด มะระเครือ หรือซาโยเต้ พื้นที่ภาคกลาง เรียกว่า มะระหวาน และภาษาท้องถิ่นโดยทั่วไปเรียกว่า ฟักม้ง เป็นพืชพื้นเมืองของชาวออสเตรเลียปลูกไว้บริโภคในครัวเรือน ผลจะเล็กกว่าบ้านเรา เป็นไม้เถาเลื้อย สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศเย็นและชุ่มชื้นเป็นพืชข้ามปี ลักษณะคล้ายพืชตระกูลแตง ลำต้น ใบ ยอดและมือจับคล้ายแตงกวาผสมกับฟักเขียว ดอก เกิดที่ขั้วระหว่างต้นกับก้านใบเป็นชนิดดอกช่อ เนื้อของผลเจริญมาจากฐานรองดอกที่ขยายใหญ่ไปหุ้มเมล็ดไว้ มีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียวในผล เหมือนกับผลมะม่วง มะปราง บ้านอะลาง

การปลูกขุดหลุมขนาด 
กว้าง  x  ยาว x ลึก ประมาณ 20-50 ซม. แล้วคลุกเคล้าดินด้วยเศษพืชและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หากต้องการปลูกเพื่อเก็บยอดอย่างเดียว ระยะปลูกระหว่างต้น ระหว่างแถวประมาณ 1x1 หรือ 1x2 เมตร ปลูกเป็นหลุม ๆ เรียงเป็นแถวติดต่อกันไปตามสภาพของพื้นที่และไม่ต้องทำค้างเพื่อสะดวกในการเก็บยอดเมื่อลงดินแล้ว รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง คอยกำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ยคอกบ้างเป็นระยะจนอายุประมาณ 2 เดือน ก็สามารถเก็บยอดจำหน่ายได้ เมื่อเก็บเกี่ยวระยะหนึ่ต้นและใบจะเริ่มโทรมลง ให้เด็ดใบแก่ที่มีสีเหลือง ใบแห้ง  ใบที่เป็นโรคออกให้หมด เติมปุ๋ยคอก รดน้ำ และกำจัดวัชพืช การเจริญเติบโตก็จะมีต่อไปได้อีกประมาณ 3-4  ปี  หลังจากเก็บผลผลิตเป็นที่พอใจแล้วหรือเห็นว่าโทรมมากหรือเข้าสู่ฤดูแล้ง ให้ตัดต้นเหนือดินออกให้หมดทิ้งให้พักตัว ใส่ปุ๋ยคอก พรวนดินรอบ ๆ และรดน้ำ มะระหวานก็จะเจริญงอกเป็นต้นใหม่ขึ้นมาให้เก็บเกี่ยวยอดได้อีกโดยไม่ต้องปลูกใหม่ บ้านอะลาง

การเตรียมดิน
การเตรียมดินปลูก ทำได้ง่ายๆเพียงขุดหลุมขนาด กว้าง X ยาวX ลึก ประมาณ 20 – 50 ซม. แล้วคลุกเคล้าดินในหลุมด้วยเศษพืชและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก

การปลูก 
1)ปลูกเพื่อเก็บยอดอย่างเดียว ระยะปลูกระหว่างต้น ระหว่างแถวประมาณ 1 x 1 หรือ1 x 2 เมตร ปลูกเป็นหลุมๆเรียงเป็นแถวติดต่อกันไป ตามสภาพของพื้นที่และไม่ต้องทำค้าง หรือจะทำค้าง ซึ่งส่วนใหญ่จำทำค้างลักษณะทรงสามเหลี่ยม เพื่อให้ยอดเกาะกิ่งไม้ขึ้นไป สะดวกในการเก็บยอด
2) ปลูกเพื่อเก็บยอดและผล ใช้ระยะปลูก 2 x 3 เมตร หรือ 3 x 3 เมตร และจะต้องทำค้างให้เถายึดเกาะ โดยความสูงขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และจะต้องสูงพอที่จะเดินเข้าไปเก็บผลได้

การเตรียมต้นพันธุ์
การปลูกมะระหวาน จำเป็นต้องเตรียมต้นพันธุ์ โดยจะต้องนำผลสดที่แก่เต็มที่ พร้อมที่จะปลูก ลักษณะของผลจะมีรอยแตก นำมาชำในที่ร่มชื้นหรือชำในถุงชำ จนกระทั่งเริ่มแตกยอดอ่อนจึงนำไปปลูก หรือทิ้งผลที่แก่จัดไว้กับต้นปลายผลจะเกิดรอยแตกและงอกต้นอ่อน ก็สามารถนำไปปลูกได้เช่นเดียวกัน  ฟักม้ง สามารถปลูกได้ตลอดปี การปลูกโดยการนำผลแก่จัดและงอกต้นอ่อนแล้ว วางลงกลางหลุมปลูกที่เตรียมไว้กลบดิน 3 ใน 4 ของผล เหมือนการปลูกมะพร้าว เสร็จแล้วคลุมด้วยหญ้าแห้ง ฟางข้าวหรือเศษพืชรดน้ำให้ชุ่ม

การดูแลรักษา
เมื่อปลูกลงดินแล้ว รดน้ำวันละ 1 – 2 ครั้ง คอยกำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ยคอกบ้างเป็นระยะ จนอายุประมาณ 2 เดือน ก็สามารถเก็บยอดจำหน่ายได้ แต่ถ้าปล่อยให้เจริญเติบโตต่อไปบนค้าง จนอายุประมาณ 4 – 5 เดือน  จะเก็บผลผลิตได้ทั้งยอดและผลเมื่อปลูกและเก็บผลได้ระยะหนึ่ง ต้นและใบจะเริ่มโทรมลง ให้เด็ดใบแก่ที่มีสีเหลือง ใบแห้ง ใบที่เป็นโรคออกให้หมด เติมปุ๋ยคอก ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ ยูเรีย รดน้ำและกำจัดวัชพืช ก็จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีกประมาณ 3-4 ปี หลังจากเก็บผลผลิตเป็นที่พอใจแล้วหรือเห็นว่าโทรมมากหรือเข้าสู่ฤดูแล้ง ให้ตัดต้นเหนือดินออกให้หมดทิ้งให้พักตัว ถ้าต้องการได้ต้นใหม่ให้ใส่ปุ๋ยคอก พรวนดินรอบๆและรดน้ำ ก็จะเจริญงอกเป็นต้นขึ้นมาได้อีกโดยไม่ต้องปลูกใหม่ ตลอดระยะเวลาของการเจริญเติบโต อาจมีศัตรูพืชรบกวนบ้าง แต่ไม่มากนัก ศัตรูพืชที่สำคัญคือ เพลี้ยไฟ แมลงวันผลไม้เจาะผลอ่อนและโรคราแป้ง ซึ่งเกิดที่ใบ ป้องกันได้ด้วยการใช้กับดักกาวเหนียว เพื่อดักตัวแก่และคอยเก็บใบที่เป็นโรคหรือแสดงอาการผิดปกตินำไปเผา ไม่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมี  สีแบบนี้นำไปปลูกไม่ขึ้น บ้านอะลาง

ผลผลิตและการตลาด
เมื่อปลูกได้ 2-3 เดือน สามารถเก็บยอดอ่อนนำไปปรุงอาหารหรือจำหน่ายได้ และจะเก็บยอดอ่อนได้ทุก 2-3 วัน/ครั้ง แต่ละครั้งจะเก็บได้ประมาณ 200-300 กก./ไร่  เรื่องของราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาล  หรือตามภูมิภาค  ผักจะแพงช่วงกินเจ และช่วงหน้าหนาว  ดังนั้นหากเกษตรกรจะปลูกควรดูที่ช่วงจังหวะ  เพื่อจะได้ราคาที่ดี  ที่สำคัญควรปลูกแบบปลอดสารพิษหรือแบบ Organic ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ขายง่าย  ปลอดภัยต่อร่างการ  หากเกษตรกรสามารถปลูกแบบนี้ได้  เรื่องของตลาดจึงไม่ใช้เรื่องยาก

เรียบเรียงใหม่โดยเกษตรบ้านอะลาง