ผักกระโดน



กระโดน ยอดอ่อนอร่อยมีสรรพคุณ
หลายคนรู้จักกระโดน เป็นอย่างดี เฉพาะที่เห็นยอดอ่อนวางขายเป็นผักพื้นบ้าน นำไปรับประทานเป็นผักสด จิ้มน้ำพริกชนิดต่างๆ หรือกินกับขนมจีนปักษ์ใต้ ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนน้ำพริกทั่วไป ซึ่งยอดอ่อนของ กระโดนจะมีรสเปรี้ยวปนฝาด ช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น แต่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่า กระโดน มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นแบบไหน และมีผู้อ่านไทยรัฐจำนวนไม่น้อยสอบถามกันว่า นอกจากยอดอ่อนของกระโดน จะกินเป็นอาหารได้แล้ว มีสรรพคุณทางสมุนไพรหรือไม่ ซึ่งเป็นจังหวะพอดี พบมีต้นขนาดใหญ่วางขาย จึงรีบสนองความต้องการผู้อ่านทันที

ระโดน หรือ CAREYA SPHAERICA ROXB. อยู่ในวงศ์ BARRINGTONIACEAE
เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-20 เมตร พบขึ้นทุกภาคของประเทศไทย สมัยก่อนตามหัวไร่ปลายนาจะมีขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวนาจะไม่ตัดหรือโค่นทิ้ง จะปล่อยไว้เพื่อเก็บยอดอ่อนกินเป็นผักตามที่กล่าวข้างต้น และใช้บางส่วนจากต้นเป็นยาสมุนไพรด้วย เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ใบและกิ่งก้านหนาทึบให้ร่มเงาดีมาก กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยวออกเรียงสลับถี่จนดูเหมือนเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายเป็นติ่งทู่ โคนสอบแคบเป็นรูปลิ่ม เนื้อใบหนาและเป็นลอน ขอบใบหยักแต่ตื้น สีเขียวสด


ชื่อ"กระโดน"
วงศ์ "BARRINGTONIACEAE"
1)"กระโดนน้ำ"ชื่อทยาศาสตร์"BarringtoniaAcutangula(Linn.)Gaertn."
ชื่อพื้นเมือง"จิด(ภาคกลาง),ผักกระโดนำ(อุดรธานี, สกลนคร,หนองคาย,ร้อยเอ็ด),กระโดนทุ่ง,กระโดนน้ำ (หนองคาย),จิกนา(ภาคใต้),ใบตอง(เหนือ),เรีย็ง(เขมร)  ''บ้านอะลาง''

2)"กระโดนบก" กระโดนโคก
ชื่อทยาศาสตร์"CareyaSphaericaRoxb.""C.ArboreaRoxb."
ชื่อพื้นเมือง"กระโดน,ผักกระโดน,กระโดนบก,กระโดนโคก (อุดรธานี,อีสาน),กะนอล(ขเมร)ขุย(กระเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ผักปุย(เหนือ),ปุยกระโดน(ใต้),ปุยขาว,ผักฮาด(เหนือ),หูกวาง (จันทบุรี),พุย(ละว้า-เชียงใหม่)


ดอก ออกเป็นช่อ 2-3 ดอก ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีกลีบเลี้ยง 4 แฉก กลีบดอกเป็นรูปช้อน กว้างประมาณ 3 ซม. ยาวประมาณ 4 ซม. กลีบดอก 4 กลีบ เป็นสีชมพูแกมขาว ร่วงง่ายและร่วงเร็ว มีเกสรตัวผู้จำนวนมากดูคล้ายพู่ เวลามีดอกจะสวยงามมาก ผล รูปกลมแข็ง ภายในมีเมล็ด ดอกออกช่วงระหว่างเดือนมกราคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีชื่อ เรียกตามท้องถิ่นคือ ปุย, ปุยกระโดน (ภาคใต้) ปุยขาว, ผ้าฮาด (ภาคเหนือ) พุย (ละว้า-เชียงใหม่) หูกวาง (จันทบุรี) กะนอน (เขมร) ขุย (กะเหรี่ยง-จันทบุรี) แซงจิแหน่, เส่เจ๊อะบะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ปัจจุบันมีต้นขนาดใหญ่ขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ปากทางเข้าประตู 2 บริเวณแผงขายไม้ปราจีนบุรี ราคาสอบถามกันเอง

สรรพคุณทางสมุนไพร และประโยชน์ ใบ ใช้เป็นยาเบื่อปลา เปลือกต้นและผล เป็นยาฝาดสมาน ดอก บำรุงร่างกาย แก้หวัด ผล ช่วยย่อยอาหาร เมล็ด เป็นยาแก้พิษ เปลือกต้น แก้พิษงู สมานแผลแก้เคล็ดเมื่อยตามร่างกาย ใบ ขยี้รักษาแผลสด ดอก บำรุงสตรีหลังคลอดบุตร เปลือก ทำเชือกอุดร่องไม้ดีมาก เนื้อไม้ สร้างบ้านเรือน เรือขุด แจว พาย ครกกระเดื่อง ตัวเกวียน และ เพลาเกวียนทนทานมาก

ผักกระโดนบ้านเฮา
เป็นพืชที่ชาวอีสานนิยมรับประทานเป็นผักจากคำบอกกล่าวของชาวบ้านกระโดนน้ำและกระโดนบกกระโดน น้ำมีต้นเตี้ยกว่ากระโดนบกและกระโดนน้ำชอบขึ้นตามที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึงในฤดูน้ำหลาก(ชาวอีสานเรียก ว่าที่ลุ่มดินทาม)ส่วนกระโดนบกภาคกลางเรียกต้นจิกมักขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณป่าทุ่งในชีวิตประจำ  วันชาวบ้านได้อาศัยประโยชน์จากไม้ของกระโดนน้ำและกระโดนบกเนื้อไม้ของกระโดนบกมีประโยชน์หลาย อย่างเช่นใช้ในการสร้างบ้านเรือนและทำเครื่องเรือนทำเรือและพายทำครกสากทำเกวียนและเพลาได้เป็นไม้เนื้อแข็งใช้ทำเป็นหมอนรองรถไฟได้ดีส่วนกระโดนน้ำมักใช้ทำเครื่องใช้และเครื่องเรือนไม้นวดข้าวสากกระเดื่อง ''บ้านอะลาง''

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระโดนบกเป็นไม้ต้นขนาดกลางความสูงประมาณ10-30เมตรลำต้นมักเตี้ยและมีกิ่งก้านสาขามาก เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบเปลือกต้นเป็นสีเทาหนาและแตกล่อนเป็นแผ่นๆบางทีอาจถูกไฟป่าเผาทำให้เปลือกออกเป็นสีดำคล้ำจะทิ้งใบหมดและผลิใบใหม่พร้อมออกดอกเต็มต้นใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่กลีบออกเรียงเวียนกันตามปลายกิ่งขนาดใบกว้าง12-15ซม.ยามประมาณ25-30ซม.ขอบใบหยิกออกแบบสลัลก้านใบยาวราว2-3ซม.  ดอกออกเป็นเดี่ยวหรือเป็นช่อๆละ2-3ดอกกลีบดอกและกลีบรองดอกอย่างละ4กลีบกลีบดอกมีสีขาวหรือสีขาวนวลร่วงง่าย  กลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูประฆังเกสรตัวผู้ยาวและเป็นเส้นฝอยสีแดงจำนวนมากผลโตกลมกว้างประมาณ5ซม.ยาว6.5ซม.ภายในมีเมล็ดเป็นจำนวนมากกระโดนน้ำเป็นไม้ที่พบตามป่าเบญจพรรณป่าหญ้าในที่ลุ่มพบมากตามริมฝั่งแม่น้ำลำคลองหนองบึงหรือที่ลุ่มน้ำท่วมถึง

กระโดนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงปรมาณ8-17เมตรผลัดใบแต่ผลิใบใหม่เร็วทรงพุ่มแผ่กว้างเปลือกสีน้ำตาลเข้มน้ำตาลแดงหนาและหยาบปลายกิ่งมักจะลู่ลงใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับเห็นเป็นกลุ่มอยู่ตอนใกล้ปลายกิ่งใบรูปรูปหอกกลีบหรือรูปไข่กลีบกว้าง2.5-8.5ซม.ยาว5-16ซม.ปลายใบมนทุ่เว้าเล็กน้อยหรือเป็นกิ่งสีแดงสดหรือแดงเรื่อๆช่อดอกอาจยาวได้ถึง40ซม.มีกลิ่นหอมอ่อนๆกลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น4กลีบสีชมพูเกสรตัวผู้มีจำนวนมากส่วนก้านเกสรยาวสีแดงสดเห็นเด่นชัดเรียงเป็นชั้นๆ3ชั้นโดยมีโคนเชื่อมติดกันและเชื่อมติดกับกลีบดอกเกสรตัวผู้ร่วงง่ายผลเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีสันเหลี่ยมเมล็ดเป็นรูปไข่ผิวเป็นร่อง1ผลมี1เมล็ด

การปลูกผักกระโดน
เป็นพรรณไม้ที่ทนความแห้งแล้งและแสงแดดได้ดีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเมล็ด  ในช่วงฤดูฝนหรือการตอนกิ่ง  ทั้งสองวิธีนี้ใช้ได้ผล  และขยายพันธุ์ง่ายและโตเร็ว


ประโยชน์ทางยา
กระโดนบกใบมีสารแทนนิน19เปอร์เซ็นต์ทำให้มีรสฝาดใช้ปรุงเป็นน้ำมันสมานแผลและใบใช้เป็นยาเบื่อปลาได้,เปลือกและผลใช้เป็นยาฝาดสมาน,ดอกและน้ำจากเปลือกใช้ผสมกับน้ำผึ้งใช้ทานเป็นยาแก้หวัดแก้ไอทำให้ชุ่มคอและเป็นยาบำรุงสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร,ผลเป็นยาช่วยย่อยอาหาร,เมล็ดเป็นยาแก้พิษ,รากและใบใช้เป็นยาเบื่อปลา  กระโดนน้ำเปลือกมีรสผาดใช้ชะล้างบาดแผลสมานแผลเรื้อรังและใช้เบื่อปลาได้ ,ใบแก้ท้องร่วง,รากใช้เป็นยาระบาย,ผลเป็นยาแก้หวัด,เมล็ดเป็นยารสร้อนแก้ลมแน่นใช้ในการคลอดบุตรทำให้อาเจียนระงับความเย้นแก้อาการไอของเด็ก

ประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนใบอ่อนและดอกอ่อนสำหรับความนิยมของกระโดน้ำและกระโดนบกนับว่า ชาวอีสานนิยมกระโดนน้ำมากกว่ากระโดนบกและมีรสชาติอร่อยกว่าฝาดน้อยกว่าส่วนกระโดนบกชาวบ้าน ก็จะเลือกต้นที่มียอดสีเขียวอ่อนมากกว่าต้นที่มียอดอ่อนสีแดงความนิยมในการรับแระทานผักกระโดนของ
ชาวอีสานลดน้อยลงบ้างเพราะเชื่อว่าผักกระโดนทำให้เป็นนื่วได้แต่ทว่าวงจรของอาหารธรรมชาติจะช่วย สร้างความสมดุล  เราสังเกตได้ว่ากระโดนบกและกระโดนน้ำจะผลิยอดอ่อนคนละฤดูกาลกระโดนน้ำจะออกยอดอ่อนกลางฤดูฝน(เดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม)และจะออกยอดให้เก็บได้บ่อยๆส่วนกระโดนบกจะออกยอดอ่อนปลายฤดูแล้ง(เดือนมีนาคม-เดือนเมษายน)  ต่อต้นฤดูฝนหรือในช่วงเริ่มลงนาซึ่งในระยะนี้ อาหารโปรตีนในธรรมชาติจะมีปริมาณสูงขึ้นเช่นกบปลาแงกี่นูนแมงกุดจี่ไข่มดแดงเป็นต้นเช่นกันจากการวิจัยพบว่าถ้าร่างกายได้ปริมาณสารออกซาเลทหรือกรดออกซาลิคในปริมาณสูงและได้รับสารโปรตีนในปริมาณต่ำอาจเป็นสาเหตุเบื้องต้นของการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะโอกาสที่จะขาดสารโปรตีนจะน้อยลง นอกจากนี้ในผัก ''บ้านอะลาง'' กระโดน(สด)100กรัมประกอบด้วยปริมาณออกซาเลท59มิลลิกรัม(น้อยกว่าผักโขม 16 เท่าและน้อยกว่าผักชะพลู12เท่า)อาจกล่าวได้ว่าเป็นปริมาณต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับผักชนิดอื่นการปรุง อาหารชาวอีสานชาวใต้และชาวเหนือรับประทานผักกระโดนโดยรับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกชาวอีสานดูจะนิยมผักกระโดนมากกว่ากระโดนบกเพราะนอกจากรับประทานกับสัมตำร่วมกับลาบก้อยยอด กระโดนบกมักจะนำมารับประทานกับยำมดแดงชาวบ้านมักเก็บตามป่าธรรมชาติหรือหาซื้อได้ตามตลาด สดในท้องถิ่น

รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
ยอดอ่อนและดอกอ่อนรสฝาดอมมันผักระโดน100กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย83กิโลแคลอรี่มีเส้นใย 1.9 กรัม,แคลเซียม13มิลลิกรัม,ฟอสฟอรัส18มิลลิกรัม,เหล็ก1.7มิลลิกรัม,วิตามินเอ3958IU,วิตามินบี หนึ่ง0.10มิลลิกรัม,วิตามินบีสอง0.88มิลลิกรัม,ไนอาซิน1.8มิลลิกรัม,วิตามินซี126มิลลิกรัม
เรียบเรียงใหม่โดยเกษตรบ้านอะลาง