วิธีปลูกขิง

          การเพาะปลูกขิง         
ขิงเป็นพืชที่ชอบอากาศชื้น มีอุณหภูมิสูงพอสมควร พื้นที่ในการปลูกควรมีร่มเงากำบังบ้าง แหล่งปลูกขิงที่ดีควรมีระดับฝนตกเฉลี่ย 80-100 นิ้วต่อปี มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,000-5,000 ฟุต ดินที่เหมาะสมในการปลูก ควรเป็นดินร่วนปนทราย มีอินทรีย์วัตถุสูงพอสมควร การระบายน้ำดี มีความเป็นกรด - ด่าง ประมาณ 6-6.5 หากพบว่าดินเป็นกรดมากก็ให้ใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินประมาณ 200-400 กิโลกรัมต่อไร่
 บ้านอะลาง


           ฤดูของการปลูกขิง            
การปลูกในฤดูฝน ขิงที่ปลูกขายกันไม่ว่าจะเป็นขิงอ่อนหรือขิงแก่ส่วนใหญ่จะเป็นขิงที่ปลูกในฤดูฝนเกือบทั้งหมด  การปลูกขิงในฤดูฝนนี้นิยมปลูกต้นฤดูฝน ในระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีการปลูกนอกฤดูฝน โดยจะทำการปลูกในฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์

   ขั้นตอนการเตรียมดินปลูกขิง   
โดยทำการไถพรวนดิน 3-4 ครั้ง จากนั้นก็ทำการยกแปลงหรือยกร่องปลูก ถ้าปลูกแบบแปลงก็ทำให้การยกแปลงปลูกให้มีขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 15-20 เซนติเมตร ความยาวขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ ถ้าปลูกแบบร่องก็ทำเป็นร่องปลูก โดยให้ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 50-70 เซนติเมตรส่วนความสูงและความยาวก็เช่นกัน ก่อนการปลูกจึงควรหาปุ๋ยอินทรีย์อาจเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็ได้ในอัตรา 3-4 ต้น/ไร่ ใส่ปูนขาวประมาณ 200-400 กิโลกรัม / ไร่
รดน้ำทิ้งไว้ 15-30 วัน จึงค่อยลงมือปลูกต่อไป

     การเตรียมพันธุ์ขิงเพื่อปลูก     
ทำการตัดท่อนพันธุ์เป็นท่อน ๆ ยาวประมาณท่อนละ 2 นิ้ว โดยแต่ละท่อนให้มีตาบนแง่ง
ประมาณ 2-3 ตา นำท่อนพันธุ์ดังกล่าวไปแช่ในน้ำยากำจัดเชื้อราอีกครั้ง อาจใช้ยาพวกไดโฟลาแทนหรือแมนเซ็ท-ดี  ในอัตรา 2-4 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปีบ หรือใช้เบนเลทในอัตรา 1 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปีบ แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาที หรืออาจใช้วิธีคลุกด้วยยาซีรีแซนผงผสมน้ำคลุกได้เช่นกัน นำท่อนพันธุ์ที่แช่หรือคลุกยาดังกล่าวมาผึ่งแดดให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง  จึงค่อยนำไปปลูก สำหรับพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะใช้ท่อนพันธุ์ขิงประมาณ 200-400 กิโลกรัม



     วิธีการปลูกและระยะปลูก    
 การปลูกโดยอาศัยน้ำฝน  เป็นการปลูกในร่องหรือระหว่างร่อง โดยมีสันร่องสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ปลูกก็โดยนำท่อนพันธุ์วางลงในหลุมปลูกหลุมละ 1 ท่อน หลุมปลูกควรมีความลึกประมาณ 4-5 เซนติเมตรระยะระหว่างหลุม 20-25 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 50-70 เซนติเมตร ในพื้นที่ 1 ไร่จะใช้ท่อนพันธุ์ปลูกประมาณ 190-230 กิโลกรัม

 การปลูกโดยอาศัยน้ำชลประทาน  โดยจะทำการปลูกบนสันร่อง ร่องปลูกสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร และมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ระหว่างแปลงปลูกควรมีทางระบายน้ำกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร วิธีนี้จะใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่าวิธีแรกเพื่อสะดวกในการใช้น้ำซึ่งไม่เหมือนกับการปลูกในวิธีแรก ที่ต้องปลูกชิดเพื่อรักษาความชื้นเอาไว้ มีหลุมปลูกลึกประมาณ 4-5 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 30-35 เซนติเมตร ระหว่างแถวประมาณ 50-70 เซนติเมตร

 การปลูกขิงอ่อน  เตรียมแปลงแล้วก็นำเอาแง่งขิงที่เตรียมไว้ลงในแปลงปลูก โดยใช้มือคุ้ยทรายหรือเสียมเล็ก ๆ ก็ได้ ลึกประมาณ 8 เซนติเมตร แล้ววางท่อนพันธุ์ในแนวตั้ง หลังจากปลูกประมาณ 1 เดือน ขิงจะแทงหน่อขึ้นมาให้เห็นมีความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ขิงมีอายุได้ 2 เดือน ขิงรุ่นแรกจะโผล่พ้นพื้นทรายขึ้นมาสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ถ้าหากสูงขึ้นมาประมาณ 30-40 เซนติเมตร ก็ทำการเก็บหน่อขายได้ ระยะเวลาที่เก็บแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 12-15 วัน จากสถิติผลผลิตที่ได้นั้นแม่ขิงที่เพาะ 100 กิโลกรัม จะเก็บขิงอ่อนรุ่นแรกได้ประมาณ 13 กิโลกรัม ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะเก็บได้รุ่นละประมาณ 6-12 กิโลกรัม






       ประโยชน์ของขิง      
1. ต้นขิง  ต้มรับประทานแก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียน และช่วยขับลมในกระเพาะอาหารได้รากขิงต้มรับประทานรักษาอาการป่วยไข้ ลมแน่นในอก ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร และช่วยบำรุงลำคอให้โปร่งใสอีกด้วย

2. ขิงสดเหลือจากปรุงอาหาร นำมาเข้าเครื่องปั่นคั้นเอาแต่น้ำ ผสมน้ำอุ่นหรือต้มแล้วดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด คันจมูก น้ำมูกไหล และยังแก้อาการเจ็บคอ ช่วยขับเสมหะได้ผลชะงัด
3. แง่งขิง นำมาป่นละเอียด แล้วต้มรับประทาน แก้ลมวิงเวียน ท้องเฟ้อ
4. ใบขิง นำมาต้มรับประทาน จะช่วยรักษาโรคเลือดกำเดาออกได้
5. ดอกขิง ต้มรับประทานแก้โรคนิ่วและโรคตาเปียกแฉะ
6. เหง้า รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด เจริญอากาศธาตุ สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ใช้เหง้าแก่ทุบหรือบดเป็นผง ชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาว เติมเกลือเล็กน้อย จิบแก้ไอ ขับเสมหะ บ้านอะลาง