ลักษณะทั่วไปเกี่ยวกับดาหลา
ดาหลา เป็นไม้ดอกที่มีการปลูกมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ทางภาคใต้ของไทย ซึ่งเดิมได้มีการนําหน่ออ่อนและดอกมาใช้เป็นผักประกอบอาหารบางประเภท ปัจจุบันได้มีการนํามาปลูกเป็นไม้ตัดดอกมากขึ้น เนื่องจากดาหลา เป็นไม้ดอกที่ให้ดอกดกในฤดูร้อนขณะที่ไม้ดอกชนิดอื่นๆ ไม้ค่อยจะมีดอกประกอบกับดอกมีขนาดใหญ่ สีสดใส รูปทรงแปลกตาทําให้เป็นที่สนใจของผู้พบเห็นและเป็นที่ต้องการของตลาด เกษตรบ้านอะลาง
ดังจะเห็นได้จากความต้องการซื้อขายดอกที่ตลาดปากคลอง มีปริมาณถึง 200-500 ดอกต่อสัปดาห์ มีมูลค่า3,000 - 7,500 บาท นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกต้นพันธุ์ได้บ้างแหล่งผลผลิตที่สํ าคัญ ได้แก่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร อ.บางกรวยจ. นนทบุรี อ.ด่านมะขามเตี้ย จ. กาญจนบุรี อ. เมือง จ.กระบี่
อนุกรมวิธาน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith
ชื่อพ้อง : Phaeomeria magnifica, Nicolaia elatior
ชื่อสามัญ : ดาหลา
วงศ์ : Zingiberales
ชื่ออื่นๆ : กาหลา, กะลา
ถิ่นกํ าเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
ลําต้น : ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลําต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง่านี้จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี ส่วนลําต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลําต้นเทียม (pseudostem) ลําต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม เกษตรบ้านอะลาง
ใบ
มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อยๆเรียวไปหาปลายใบและฐานใบ ใบไม้มีก้านใบผิวเกลี้ยง ทั้งด้าน
บนและด้านล่าง ใบยาว30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลมฐานใบเรียวลาดเข้า
หาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ
ดอก
ดอกดาหลา เป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head)ประกอบด้วย กลีบประดับ (Bracts) มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วย กลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม.จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอกความกว้างกลีบประมาณ 1ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับ
มีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบ ประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจะมีขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่จํ านวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตรความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตรมีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรงดอก จะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะพัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพูที่ปลายหน่อ
พันธุ์ : ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง
การขยายพันธุ์
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
1. การแยกหน่อ ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนําไปปลูก คือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อน กึ่งแก่ประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อนๆ ดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นําไปชําในถุงพลาสติก 1 เดือน เพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนนําไปปลูก
2. การแยกเหง้า โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนําไปชําในแปลงเพาะชํา วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก
3. การปักชําหน่อแก่ โดยนําไปชําในแปลงเพาะชําให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูก ลงแปลง
ปัจจัยการผลิต
แสง : ดาหลาเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรําไรหรือที่ร่มไม้ยืนต้น ถ้าหากโดนแดดจัดเกินไปสีของกลีบประดับจะจางลง และทําให้ใบไหม่
ฤดูปลูก
การปลูกดาหลาสามารถปลูกได้ทุกฤดู แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุด คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งดาหลาจะมีการเจริญเติบโตทางด้านลําต้นและแตกหน่อ ช่วงที่ดาหลาแตกหน่อได้มากคือ เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม แต่ในที่ๆ มีนํ้าเพียงพอไม่จํ าเป็นต้องรอฤดูฝน
การเตรียมแปลง
พื้นที่ดอนทําการพรวน ตากดินไว้ประมาณ 5 - 7 วัน และย้อยดินให้ละเอียดเก็บวัชพืชออกให้หมด
พื้นที่ลุ่มทําการขุดยกร่องสวนมีคูนํ้าลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตร แปลงปลูกกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตาขนาดของพื้นที่ และมีการไถพรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด
การเตรียมดิน
การเตรียมดินโดยไถพรวนดินแล้วขุดหลุมปลูก จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกรองก่นหลุมในกรณีที่ปลูกดาหลาแบบไม้ยกร่องสวนจะทํ าการไถปรับดินให้สมํ่ าเสมอ เพิ่มปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรา 1 : 25แล้วขุดหลุมปลูกแบบเดียวกับการปลูกแบบยกร่องสวนนี้อาจปลูกแซมในไม้หลัก เช่น ไม้ผล
ระยะปลูก
การปลูกดาหลาจะไม้มีระยะปลูกที่แน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของเกษตรกรเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเกษตรกรจะปลูกในระยะ 2 x 2 เมตร
การปลูก
โดยใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้ว โดยสังเกตให้หน่อนั้นๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทําการกลบดินให้สูงประมาณ 6 นิ้ว รดนํ้าให้ชุ่มอาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลําต้นกันต้นโยก
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้ปุ๋ย : จะให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัตถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่างๆ หรือลําต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่องมาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโคนต้นซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง
การให้นํ้า
ดาหลาเป็นพืชที่ต้องการนํ้าในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดนํ้าให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้นํ้าจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง แต่ต้องคํานึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้นํ้ามากขึ้นโดยใช้ระบบการให้นํ้าแบบพ้นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม้ยกร่อง
การป้องกันกําจัดวัชพืช
ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มากทาให้กอแน่นใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกําจัดวัชพืชจะต้องกระทํามากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมากๆ จะทําให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื้นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทําการกําจัดวัชพืชมากนัก
โรคและแมลง
ยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสําคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสําคัญดังนี้ หนอนเจาะลําต้นลักษณะการทําลาย เข้าทําลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลําต้น ทําให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโตและไม้สามารถให้ออกดอกได้
การป้องกันกําจัด
ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบๆโคนต้น หรืออาจใช้เซฟวิน มดแดง ลักษณะการทําลาย กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทําให้กลีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุดๆ การป้องกันกําจัด เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ยาฆ่ามด
การเก็บเกี่ยว
ดอกดาหลาที่มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแทงหน่อดอก ตัดดอกในช่วงเช้าโดยการตัดก้านดอกให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่ก้านดอกลงในถังที่มีนํ้าบรรจุอยู่การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวดอกดาหลาที่ตัดมาแล้วจะนํามาแช่ในนํ้าสะอาด เพื่อป้องกันการเหี่ยวใช้ถุงพลาสติกใส่ห่อดอกแต่ละดอก เพื่อป้องกันไม่ให้กลีบดอกห้อยและชํ้า จากนั้นจึงนําถังที่บรรจุดอกไม้ขึ้นไปส่งให้แก่พ่อค้า อายุการปักแจกัน ดอกดาหลาเมื่อตัดจากต้นแล้วนํามาปกแจกันในนํ้าสะอาจจะมีอายุอยู่ได้ ประมาณ 3 - 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ต้นทุนการผลิตต่อไร่
ต้นทุนการผลิตดาหลาเบื้องต้นโดยทั่วไปจะมาจากค้าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้
1. ค่าหน่อพันธุ์ต่อไร่ ในปีแรก (หน่อละ 100) 32,000 บาท
2. ค่าเตรียมดินไร่ละ 1,000 บาท
3. ค่าแรง 3,200 บาท
4. ค่าปุ๋ยคอก 2,000 บาท
5. ค่าปุ๋ยเคมี 800 บาท
6. ค่าสารเคมี 1,500 บาท
รวม 40,500 บาท
ผลผลิต
ผลผลิตที่เกษตรกรจะได้รับ มีดังต่อไปนี้
ปริมาณดอกต่อปี 32,000 ดอก
ปริมาณหน่อต่อปี (1 ต้นให้ 7 หน่อ) 2,240 บาท
การจําหน่ายผลผลิต
ส่งดอกดาหลาให้แก่ร้านดอกไม้ โรงแรมฯ หรือส่งขายให้กับพ่อค้าตลาดปากคลองตลาด ราคาผลผลิต
ดอกดาหลามีราคาสูงหรือตํ่าต่างกันขึ้นกับปัจจัยหลายด้าน เช่น แหล่งปลูกผู้รับซื้อ และผู้ปลูกเอง ดอก
ดาหลามีราคาตั้งแต่ 8-50 บาท ต่อดอก นอกจากนี้ยังมีการขายหน่อพันธุ์ซึ่งราคาขายก็ต่างกัน เช่นเดียว
กับดอก คืออยู่ในช่วง 50 - 300 บาทต่อหน่อ
ปัจจุบันราคาหน่อพันธุ์ดาหลายังคงสูงอยู่ เกษตรกรผู้ปลูกดาหลาปัจจุบันจึงได้รายได้จากการขยาย
หน่อพันธุ์ด้วย แต่เนื่องจากดาหลาขยายพันธุ์ได้ไม่ยากนัก และมีเกษตรกรบางรายขยายพันธุ์ดาหลา โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จึงคาดว่าต่อราคาพันธุ์จะตํ่าลง และมีการขยายพื้นที่ปลูกเป็นการค้าเพื่อการตัดดอกมากขึ้น
การตลาดในปัจจุบันเป็นปัญหาสําคัญของเกษตรกรผู้ปลูกดาหลา เพราะเกษตรกรขาดข้อมูลเรื่องความ
ต้องการของตลาด ทําให้ขาดความมั่นใจในการลงทุน ดังนั้น เกษตรที่ประสบผลสําเร็จในการปลูกดาหลาในปัจจุบันจึงเป็นเกษตรกรที่มีการโฆษณาตนเอง และสามารถหาตลาดได้เอง
แหล่งที่มา : http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/flower/dahla.pdf
ภาพประกอบจาก : Google.com