จากหลากหลายอาชีพ...มาประสบความสำเร็จในการเลี้ยงไก่ไข่
สถานการณ์ การเลี้ยงไก่ไข่ตอนนี้ดีหรือไม่...เพราะหลายคนคงเข็ดขยาดกับการเลี้ยงสัตว์ ปีกไปชั่วขณะ สาเหตุมาจากไข้หวัดนกนั่นไง แต่ที่ไม่เข็ดยังมีและเลี้ยงได้ผลดีซะด้วย วันนั้นทางซีพีเอฟเขาพาสื่อมวลชนไปดูการเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรที่ทางซีพีเอ ฟเขาสนับสนุนอยู่ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯขับรถปื้ดเดียวก็ถึงจังหวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนาน ก็จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นแล ส่วนอำเภอที่เขาอยู่ก็รู้จักกันดี อำเภอภาชีที่รถไฟแล่นผ่าน เขาเลี้ยงไก่ไข่ด้วยปริมาณ 32,000 ตัว
นาย สมบูรณ์ ทัศนพงษ์ อยู่บ้านเลขที่ 32/3 หมู่ 2 ตำบลโคกม่วง ในอดีตนายสมบูรณ์ ประกอบอาชีพหลากหลาย ทั้งพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ก่อสร้าง และเลี้ยงหมู จากนั้นหันมาเลี้ยงไก่ไข่ในโครงการสนับสนุนของทางรัฐบาล โดยเริ่มจากปริมาณไก่ไข่ที่ 100 ตัว ควบคู่ไปกับการเลี้ยงไก่เนื้อกับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ด้วยรายได้ที่ไม่แน่นอน ทั้งประจวบเหมาะกับได้รับการแนะนำให้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยง ไก่ไข่ ในรูปแบบประกันราคาของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จึงเข้าร่วมโครงการฯ
สมบูรณ์ เล่าให้ฟังว่า ผมมีชีวิตอยู่ได้ วันนี้นับว่าประสบความสำเร็จหาที่สุดไม่ได้แล้ว จากการที่เกิดมาจากความยากจน ทำมาก็หลายอาชีพ การศึกษาก็เรียนมากับพระ เป็นลูกศิษย์พระ มีวันนี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว จากอาชีพนี้ เดิมผมมีที่ทำกิน 14 ไร่ ณ วันนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 60 ไร่
“เริ่ม แรกเลี้ยงไก่ 4,200 ตัว จากนั้นก็ปรับเพิ่มเป็น 5,000 ตัวในปีต่อมา เพราะกำไรดี เลี้ยงไก่ที่ 4,200 ตัวกำไรตั้ง 160,000 บาท เกิดมาไม่เคยได้เงินมากอย่างนั้นก็ดีใจ ตกลงด้วยคำพูดขอเพิ่มเป็น 20 โรง วางโครงการพอสร้างได้ 6 โรง เจ้าหน้าที่ซีพีเอฟเค้าก็บอกว่าผู้ใหญ่พอก่อน เพราะว่าเราทำโครงการแบบส่งเสริมเกษตรกรไม่ใช่ธุรกิจ ให้เกษตรกรคนอื่นบ้าง จะได้กระจายกันทั่วประเทศ แล้วเขาถามว่าผมพอใจไหม ผมก็บอกว่าพอใจ ทำไปก็ดี ได้ที่ทำกินเพิ่มขึ้นมาอีก 40 ไร่ เป็น 60 ไร่”
สมบูรณ์ เล่าว่ารุ่นที่แล้วสามารถทำได้ถึงตัวละ 100 บาท จากปกติที่เลี้ยงแล้วขายที่ 70-80 บาทต่อตัว ก็ได้กำไรสุทธิไปถึง 3 ล้าน ทำไปกำไรก็ได้ไม่เท่ากันหรอก อยู่ที่ความสามารถของเราด้วย ด้านบริษัทก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา ให้เทคโนโลยี คอยหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาถ่ายทอดให้ เกษตรกรก็มีหน้าที่เลี้ยง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ใช้ประสบการณ์
ความหนาแน่นของการ เลี้ยงพื้นที่กว้าง 8 เมตร ยาว 60 เมตร บรรจุไก่ 5,300 ตัวต่อโรง ทั้งหมด 6 โรงเรือน โดยใช้โรงเรือนแบบอุโมงค์ลมที่ทางบริษัทเค้ามาทำให้ก่อน เมื่อก่อนนี้เลี้ยงกันแบบโรงเรือนเปิด ยุงเยอะก็ต้องกางมุ้ง กลางวันร้อนก็ต้องมีการฉีดสเปรย์น้ำให้ แต่ปรากฏว่าผลผลิตก็ไม่ดี ต่างจากวันนี้ที่มีระบบอุโมงค์ลมอย่างที่ว่า
สุด ท้ายนายสมบูรณ์ให้ความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้...ในเรื่องราคาเนื่องจากเป็นในรูปแบบของการเลี้ยงประกันราคายังไงเรา ก็จะขายได้ตามราคาประกัน ราคาไข่ตกไข่ขึ้นก็ไม่มีผลต่อเรา อยู่ที่ความสามารถของเราว่าหากผลิตไข่ได้มากเราก็จะได้กำไรมาก เรื่องตลาดเรื่องราคาบริษัทเขาดูแล เขารับความเสี่ยงไป เรามีหน้าที่เพียงผลิต ก็ถือว่าดี แต่ก็ยังห่วงอยู่เรื่องปัญหาไข่ล้นตลาด เพราะต่อไปนานไปบริษัทอาจรับไม่ไหว เกษตรกรอาจต้องลดการเลี้ยง หรืออาจต้องเลิกอาชีพไปเลย อยากจะเชิญชวนสมาคม หรือบริษัททุกบริษัทมาร่วมกันทำโครงการประกันราคา เราจะได้รู้ว่าไก่มันมีเท่าไหร่ จะได้ควบคุมได้ มันก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าคิดว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่สามัคคีกันมันก็จะไม่หมดปัญหา แก้ปัญหาไข่ล้นตลาดไม่ได้...
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง
สถานการณ์ การเลี้ยงไก่ไข่ตอนนี้ดีหรือไม่...เพราะหลายคนคงเข็ดขยาดกับการเลี้ยงสัตว์ ปีกไปชั่วขณะ สาเหตุมาจากไข้หวัดนกนั่นไง แต่ที่ไม่เข็ดยังมีและเลี้ยงได้ผลดีซะด้วย วันนั้นทางซีพีเอฟเขาพาสื่อมวลชนไปดูการเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรที่ทางซีพีเอ ฟเขาสนับสนุนอยู่ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯขับรถปื้ดเดียวก็ถึงจังหวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนาน ก็จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นแล ส่วนอำเภอที่เขาอยู่ก็รู้จักกันดี อำเภอภาชีที่รถไฟแล่นผ่าน เขาเลี้ยงไก่ไข่ด้วยปริมาณ 32,000 ตัว
นาย สมบูรณ์ ทัศนพงษ์ อยู่บ้านเลขที่ 32/3 หมู่ 2 ตำบลโคกม่วง ในอดีตนายสมบูรณ์ ประกอบอาชีพหลากหลาย ทั้งพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ก่อสร้าง และเลี้ยงหมู จากนั้นหันมาเลี้ยงไก่ไข่ในโครงการสนับสนุนของทางรัฐบาล โดยเริ่มจากปริมาณไก่ไข่ที่ 100 ตัว ควบคู่ไปกับการเลี้ยงไก่เนื้อกับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ด้วยรายได้ที่ไม่แน่นอน ทั้งประจวบเหมาะกับได้รับการแนะนำให้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยง ไก่ไข่ ในรูปแบบประกันราคาของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จึงเข้าร่วมโครงการฯ
สมบูรณ์ เล่าให้ฟังว่า ผมมีชีวิตอยู่ได้ วันนี้นับว่าประสบความสำเร็จหาที่สุดไม่ได้แล้ว จากการที่เกิดมาจากความยากจน ทำมาก็หลายอาชีพ การศึกษาก็เรียนมากับพระ เป็นลูกศิษย์พระ มีวันนี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว จากอาชีพนี้ เดิมผมมีที่ทำกิน 14 ไร่ ณ วันนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 60 ไร่
“เริ่ม แรกเลี้ยงไก่ 4,200 ตัว จากนั้นก็ปรับเพิ่มเป็น 5,000 ตัวในปีต่อมา เพราะกำไรดี เลี้ยงไก่ที่ 4,200 ตัวกำไรตั้ง 160,000 บาท เกิดมาไม่เคยได้เงินมากอย่างนั้นก็ดีใจ ตกลงด้วยคำพูดขอเพิ่มเป็น 20 โรง วางโครงการพอสร้างได้ 6 โรง เจ้าหน้าที่ซีพีเอฟเค้าก็บอกว่าผู้ใหญ่พอก่อน เพราะว่าเราทำโครงการแบบส่งเสริมเกษตรกรไม่ใช่ธุรกิจ ให้เกษตรกรคนอื่นบ้าง จะได้กระจายกันทั่วประเทศ แล้วเขาถามว่าผมพอใจไหม ผมก็บอกว่าพอใจ ทำไปก็ดี ได้ที่ทำกินเพิ่มขึ้นมาอีก 40 ไร่ เป็น 60 ไร่”
สมบูรณ์ เล่าว่ารุ่นที่แล้วสามารถทำได้ถึงตัวละ 100 บาท จากปกติที่เลี้ยงแล้วขายที่ 70-80 บาทต่อตัว ก็ได้กำไรสุทธิไปถึง 3 ล้าน ทำไปกำไรก็ได้ไม่เท่ากันหรอก อยู่ที่ความสามารถของเราด้วย ด้านบริษัทก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา ให้เทคโนโลยี คอยหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาถ่ายทอดให้ เกษตรกรก็มีหน้าที่เลี้ยง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ใช้ประสบการณ์
ความหนาแน่นของการ เลี้ยงพื้นที่กว้าง 8 เมตร ยาว 60 เมตร บรรจุไก่ 5,300 ตัวต่อโรง ทั้งหมด 6 โรงเรือน โดยใช้โรงเรือนแบบอุโมงค์ลมที่ทางบริษัทเค้ามาทำให้ก่อน เมื่อก่อนนี้เลี้ยงกันแบบโรงเรือนเปิด ยุงเยอะก็ต้องกางมุ้ง กลางวันร้อนก็ต้องมีการฉีดสเปรย์น้ำให้ แต่ปรากฏว่าผลผลิตก็ไม่ดี ต่างจากวันนี้ที่มีระบบอุโมงค์ลมอย่างที่ว่า
สุด ท้ายนายสมบูรณ์ให้ความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้...ในเรื่องราคาเนื่องจากเป็นในรูปแบบของการเลี้ยงประกันราคายังไงเรา ก็จะขายได้ตามราคาประกัน ราคาไข่ตกไข่ขึ้นก็ไม่มีผลต่อเรา อยู่ที่ความสามารถของเราว่าหากผลิตไข่ได้มากเราก็จะได้กำไรมาก เรื่องตลาดเรื่องราคาบริษัทเขาดูแล เขารับความเสี่ยงไป เรามีหน้าที่เพียงผลิต ก็ถือว่าดี แต่ก็ยังห่วงอยู่เรื่องปัญหาไข่ล้นตลาด เพราะต่อไปนานไปบริษัทอาจรับไม่ไหว เกษตรกรอาจต้องลดการเลี้ยง หรืออาจต้องเลิกอาชีพไปเลย อยากจะเชิญชวนสมาคม หรือบริษัททุกบริษัทมาร่วมกันทำโครงการประกันราคา เราจะได้รู้ว่าไก่มันมีเท่าไหร่ จะได้ควบคุมได้ มันก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าคิดว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่สามัคคีกันมันก็จะไม่หมดปัญหา แก้ปัญหาไข่ล้นตลาดไม่ได้...
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง